ปวยเล้งเป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Spinacia oleracea จัดอยู่ในวงศ์ Amaranthaceae ปวยเล้งมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง แพร่กระจายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ลักษณะของปวยเล้ง มีดังนี้
- ลำต้นอวบน้ำสีเขียว สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร
- ขอบใบเรียบ หลังใบเป็นคลื่นเล็กน้อย
- ดอกเป็นดอกช่อสีเหลือง ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง
- เมล็ดมีลักษณะกลมสีน้ำตาล ขนาดเล็ก
ปวยเล้ง กับ ผักโขม ต่างกันอย่างไร
ปวยเล้งและผักโขมเป็นผักที่อยู่ในวงศ์เดียวกัน แต่มีความแตกต่าง ดังนี้
ลักษณะ | ปวยเล้ง | ผักโขม |
---|---|---|
ชื่อวิทยาศาสตร์ | Spinacia oleracea | Amaranthus viridis |
วงศ์ | Amaranthaceae | Amaranthaceae |
ถิ่นกำเนิด | เอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง | อเมริกากลางและอเมริกาใต้ |
ลักษณะทั่วไป | ลำต้นอวบน้ำสีเขียว สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 4-8 เซนติเมตร | ลำต้นอวบน้ำสีเขียว สูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร |
ปริมาณสารอาหาร | มีปริมาณของวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูงกว่าผักโขมเล็กน้อย | มีปริมาณของธาตุเหล็กสูงกว่าปวยเล้งเล็กน้อย |
ประโยชน์ | ช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง ควบคุมน้ำหนัก บรรเทาอาการท้องผูก ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน รักษาแผลสด | ช่วยบำรุงสายตา บำรุงกระดูกและฟัน เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคมะเร็ง ควบคุมน้ำหนัก บรรเทาอาการท้องผูก ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน รักษาแผลสด |
ประโยชน์ของปวยเล้ง
ปวยเล้งเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี เป็นต้น
ประโยชน์ของปวยเล้ง มีดังนี้
- ช่วยบำรุงสายตา ปวยเล้งมีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืน และโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ปวยเล้งมีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปวยเล้งมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ปวยเล้งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายและกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก ปวยเล้งมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ปวยเล้งมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
- ช่วยขับปัสสาวะ ปวยเล้งมีวิตามินซีและธาตุโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยขับปัสสาวะ ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ปวยเล้งมีวิตามินบี6 สูง ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- ช่วยรักษาแผลสด ปวยเล้งมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเร่งการหายของแผลสด
ตารางแสดงปริมาณสารอาหารในปวยเล้ง 100 กรัม
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 25 กิโลแคลอรี |
ไขมัน | 0.9 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 1.6 กรัม |
โปรตีน | 2.6 กรัม |
แคลเซียม | 54 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 60 มิลลิกรัม |
เหล็ก | 0.1 มิลลิกรัม |
ไนอะซิน | 0.4 มิลลิกรัม |
เบต้าแคโรทีน | 2,520 ไมโครกรัม |
วิตามินบี1 | 0.05 มิลลิกรัม |
วิตามินบี2 | 0.48 มิลลิกรัม |
วิตามินซี | 15 มิลลิกรัม |
สารอาหารที่สำคัญในปวยเล้ง ได้แก่
- วิตามินเอและเบต้าแคโรทีน : ช่วยบำรุงสายตา ช่วยป้องกันโรคตาบอดกลางคืน และโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส : ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- วิตามินซี : ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ
- สารต้านอนุมูลอิสระ : ช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายและกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง
- ใยอาหาร : ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนาน ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
โทษของปวยเล้ง
ปวยเล้งเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ก็มีข้อควรระวังในการรับประทานเช่นกัน ดังนี้
- มีสารออกซาเลต ปวยเล้งมีสารออกซาเลตสูง ซึ่งสามารถจับตัวกับแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไตได้
- มีสารซาโปนิน ปวยเล้งมีสารซาโปนินสูง ซึ่งอาจทำให้ท้องเสียได้ หากรับประทานในปริมาณมาก
ผู้ที่ควรระมัดระวังในการรับประทานปวยเล้ง ได้แก่
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับนิ่วในไต ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานปวยเล้งในปริมาณมาก
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ ควรรับประทานปวยเล้งในปริมาณที่พอเหมาะ
นอกจากนี้ ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาต้านซึมเศร้า ยาคลายกล้ามเนื้อ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานปวยเล้ง เนื่องจากปวยเล้งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาได้
วิธีเลือกซื้อปวยเล้ง
มีดังนี้
- ใบปวยเล้งควรมีสีเขียวสด ใบไม่เหี่ยว ไม่เหลือง
- ก้านปวยเล้งควรอวบ ไม่แข็ง
- ปวยเล้งควรไม่มีรอยช้ำหรือรอยด่าง
- ปวยเล้งควรไม่มีกลิ่นเหม็น
หากปวยเล้งมีใบเหี่ยว เหลือง ก้านแข็ง รอยช้ำ หรือมีกลิ่นเหม็น ไม่ควรเลือกซื้อ เพราะอาจไม่ได้คุณภาพ หรือมีสารพิษปนเปื้อน
นอกจากนี้ ควรเลือกซื้อปวยเล้งที่มีขนาดเท่ากัน เพื่อให้รับประทานง่าย และปรุงอาหารได้สะดวก
ปวยเล้งเป็นผักที่ช้ำง่าย จึงควรเลือกซื้อปวยเล้งที่สดใหม่ นำมารับประทานให้เร็วที่สุด หรือเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้มากที่สุด
ปวยเล้งกินสดได้ไหม
ปวยเล้งสามารถรับประทานสดได้ แต่ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน เนื่องจากปวยเล้งเป็นผักที่ปลูกในดิน จึงอาจปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกหรือสารเคมีได้
การล้างปวยเล้งสดให้สะอาด ควรล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง และใช้มือขยี้ใบปวยเล้งเบา ๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก จากนั้นจึงนำมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง
นอกจากนี้ ควรเลือกรับประทานปวยเล้งที่สดใหม่ เพราะปวยเล้งที่แก่จะมีรสชาติไม่อร่อย และอาจมีสารพิษสะสมมากขึ้น
วิธีการเก็บรักษาปวยเล้ง มีดังนี้
- หากซื้อปวยเล้งมาเป็นมัด ควรแยกใบปวยเล้งออกจากก้าน นำไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วจึงนำไปแช่ตู้เย็นไว้รับประทานภายใน 2-3 วัน
- หากซื้อปวยเล้งเป็นถุง ควรนำปวยเล้งออกจากถุง นำไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วจึงนำไปแช่ตู้เย็นไว้รับประทานภายใน 2-3 วัน