คะน้าเป็นผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม โพแทสเซียม และโฟเลต คะน้ายังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์ที่อาจนำไปสู่โรคร้ายต่างๆ
ประโยชน์ของคะน้าต่อสุขภาพ
- ป้องกันโรคมะเร็ง คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า sulforaphane ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง การศึกษาพบว่าการรับประทานคะน้าเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
- บำรุงหัวใจและหลอดเลือด คะน้ามีสารอาหารหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี วิตามินเค และโพแทสเซียม สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือดจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ วิตามินซีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ วิตามินเคช่วยป้องกันภาวะเลือดออกผิดปกติ และโพแทสเซียมช่วยควบคุมความดันโลหิต
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน คะน้ามีวิตามินซีสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินซีช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวและช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ
- บำรุงกระดูกและฟัน คะน้ามีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง แคลเซียมยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
- บำรุงสายตา คะน้ามีวิตามินเอสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของดวงตา วิตามินเอช่วยป้องกันโรคตาเสื่อมจากวัยและโรคต้อกระจก
- บำรุงผิวพรรณ คะน้ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวี และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย ฝ้า และกระ
ข้อควรระวัง
- สำหรับผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคะน้าในปริมาณมาก เนื่องจากคะน้ามีสารกอยโทรเจน (goitrogen) ซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานคะน้า เนื่องจากคะน้ามีวิตามินเคสูง ซึ่งสามารถเพิ่มการแข็งตัวของเลือด
วิธีรับประทานคะน้า
คะน้าสามารถรับประทานได้ทั้งสดและปรุงสุก คะน้าสดสามารถรับประทานเป็นผักสดได้แต่ควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน คะน้าที่ปรุงสุกจะมีรสชาติที่นุ่มนวลกว่าคะน้าสด
ข้อสรุป
คะน้าเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีคะน้าเป็นประจำจะมีโอกาสได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากขึ้นและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ