กีวี่ (Kiwi) เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในจีนตอนใต้ เป็นไม้เลื้อยที่มีอายุยืนยาว สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่เย็นและชื้น มีเปลือกสีเขียวเข้มหรือสีเหลือง เปลือกมีขนปกคลุมอยู่ทั่ว เนื้อมีสีเขียวหรือสีเหลือง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีวิตามินซีสูงมาก มีสรรพคุณมากมาย เช่น บำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ บำรุงระบบประสาท บำรุงสายตา และช่วยในการย่อยอาหาร
กีวี่มีพันธุ์ต่างๆ มากมาย พันธุ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่
- กีวี่เขียว (Green Kiwi) พันธุ์นี้มีเปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อมีสีเขียว รสชาติเปรี้ยวอมหวาน
- กีวี่สีเหลือง (Gold Kiwi) พันธุ์นี้มีเปลือกสีเหลือง เนื้อมีสีเหลือง รสชาติหวานกว่ากีวี่เขียว
- กีวี่ไร้เมล็ด (Seedless Kiwi) พันธุ์นี้ไม่มีเมล็ด รสชาติคล้ายกับกีวี่เขียว แต่เนื้อจะมีความนุ่มกว่า
ต่อไปนี้คือ 10 สรรพคุณและประโยชน์ของกีวี่อย่างละเอียด:
- มีวิตามินซีสูงมาก กีวี่ 1 ลูก (100 กรัม) จะให้วิตามินซีสูงถึง 92.7 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันถึง 2 เท่า วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้
- มีไฟเบอร์สูง กีวี่ 1 ลูก (100 กรัม) จะให้ไฟเบอร์สูงถึง 2.9 กรัม ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารและป้องกันโรคท้องผูก
- มีวิตามินอีสูง วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจได้
- มีวิตามินเคสูง วิตามินเคเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบการแข็งตัวของเลือด
- มีโพแทสเซียมสูง โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการควบคุมความดันโลหิต
- มีแมงกานีสสูง แมงกานีสเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน
- มีโฟเลทสูง โฟเลทเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
- มีวิตามินบี6สูง วิตามินบี6เป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบประสาทและระบบภูมิคุ้มกัน
- มีทองแดงสูง ทองแดงเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงและระบบภูมิคุ้มกัน
- มีลูทีนและซีแซนทีนสูง ลูทีนและซีแซนทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยป้องกันโรคตา เช่น ต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม
วิธีเลือกกีวี่
กีวี่ที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- มีรูปร่างรี
- มีเปลือกสีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลเข้ม
- มีผิวเรียบ ไม่มีรอยบุบหรือรอยช้ำ
- มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับขนาด
- เมื่อบีบเบาๆ กีวี่ควรรู้สึกยืดหยุ่นเล็กน้อย
หากกีวี่แข็งเกินไป แสดงว่ายังไม่สุกเต็มที่ คุณสามารถวางกีวี่ไว้ที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้สุกได้ หรือหากสุกเกินไป แสดงว่าเนื้อจะเละและรสจะหวานน้อยลง
กีวี่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย กีวี่สามารถรับประทานสด เป็นผลไม้ที่ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี