ถั่วพิสตาชิโอ (Pistachio) เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่เติบโตในสภาพอากาศร้อนและแห้ง ถั่วพิสตาชิโอมีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลาง แต่ปัจจุบันปลูกในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย
ต้นถั่วพิสตาชิโอสามารถสูงได้ถึง 10 เมตร และมีอายุยาวนานถึง 100 ปี ผลิตถั่วขนาดเล็กสีเขียวที่ล้อมรอบด้วยเปลือกแข็ง ถั่วจะเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงและมักนำไปอบหรือเกลือก่อนรับประทาน
ประโยชน์ต่อสุขภาพของถั่วพิสตาชิโอ
ถั่วพิสตาชิโอมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี เส้นใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินอี วิตามินบี โพแทสเซียม และแมงกานีส การรับประทานถั่วพิสตาชิโอเป็นประจำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ถั่วพิสตาชิโอมีไขมันดีชนิดไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (monounsaturated fat) และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ถั่วพิสตาชิโอมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ช่วยลดความดันโลหิต ถั่วพิสตาชิโอมีโพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ถั่วพิสตาชิโอมีเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร และช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
- ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ถั่วพิสตาชิโอมีโปรตีน ไขมันดี และเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- บำรุงผิวพรรณและเส้นผม ถั่วพิสตาชิโอมีวิตามินอี ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ และช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรง
ตารางสารอาหารถั่วพิสตาชิโอ
สารอาหาร | ปริมาณต่อ 28 กรัม (1 ออนซ์) |
---|---|
พลังงาน | 159 กิโลแคลอรี |
โปรตีน | 6 กรัม |
ไขมัน | 13 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 8 กรัม |
ใยอาหาร | 3 กรัม |
น้ำตาล | 2 กรัม |
วิตามินอี | 11.2 มิลลิกรัม |
วิตามินบี6 | 0.2 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 216 มิลลิกรัม |
แมงกานีส | 1.0 มิลลิกรัม |
ถั่วพิสตาชิโอ อ้วนไหม?
คำตอบคือ ไม่เสมอไป ถั่วพิสตาชิโอมีปริมาณแคลอรีปานกลาง แต่เป็นแหล่งที่ดีของสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพ การรับประทานถั่วพิสตาชิโอในปริมาณที่เหมาะสมอาจไม่ทำให้อ้วน
ถั่วพิสตาชิโอ 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีพลังงาน 159 กิโลแคลอรี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับอาหารอื่นๆ เช่น ขนมปังกรอบ 1 ออนซ์ มีพลังงาน 140 กิโลแคลอรี และมันฝรั่งทอด 1 ออนซ์ มีพลังงาน 150 กิโลแคลอรี
อย่างไรก็ตาม ถั่วพิสตาชิโอมีปริมาณไขมันสูงถึง 13 กรัมต่อออนซ์ ซึ่งอาจทำให้บางคนกังวลว่าจะอ้วนได้ อย่างไรก็ตาม ไขมันในถั่วพิสตาชิโอส่วนใหญ่เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ
นอกจากนี้ ถั่วพิสตาชิโอยังมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยทำให้อิ่มท้องได้นานขึ้น จึงช่วยลดการรับประทานอาหารระหว่างมื้อและช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้
ปริมาณที่แนะนำ
ปริมาณถั่วพิสตาชิโอที่แนะนำต่อวันคือ 30-40 กรัม หรือประมาณ 49 เม็ด
ดังนั้น การรับประทานถั่วพิสตาชิโอในปริมาณที่เหมาะสมอาจไม่ทำให้อ้วน แต่ควรระวังการรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ได้รับแคลอรีมากเกินไปและส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ ระดับกิจกรรม และเป้าหมายด้านสุขภาพ
วิธีการเลือกซื้อถั่วพิสตาชิโอ
- สี: ถั่วพิสตาชิโอที่ดีควรมีสีเขียวสด หลีกเลี่ยงถั่วพิสตาชิโอที่มีสีเหลืองหรือน้ำตาล เพราะอาจเก่าหรือเสียแล้ว
- เปลือก: เปลือกของถั่วพิสตาชิโอที่ดีควรแตกออกที่ปลายด้านหนึ่ง หลีกเลี่ยงถั่วพิสตาชิโอที่มีเปลือกปิดสนิท เพราะอาจยังไม่สุกหรือมีรสขม
- เสียง: เมื่อเขย่าถุงถั่วพิสตาชิโอ ควรได้ยินเสียงกิ่งแก็ก แสดงว่าถั่วเต็มเมล็ดและไม่ได้เหี่ยว หลีกเลี่ยงถั่วพิสตาชิโอที่มีเสียงทึบหรือกลวง เพราะอาจว่างเปล่าหรือมีรสไม่ดี
- รสชาติ: หากเป็นไปได้ ควรชิมถั่วพิสตาชิโอสักสองสามเม็ดก่อนซื้อ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีรสชาติดีและไม่ถูกหืน
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือกซื้อถั่วพิสตาชิโอ
- ซื้อถั่วพิสตาชิโอจากแหล่งที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสดใหม่และมีคุณภาพดี
- หลีกเลี่ยงการซื้อถั่วพิสตาชิโอที่บรรจุในถุงพลาสติกใส เพราะถั่วพิสตาชิโออาจหืนได้หากสัมผัสกับแสงและความร้อน
- หากซื้อถั่วพิสตาชิโอในปริมาณมาก อย่าลืมเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในที่เย็นและมืด จะช่วยให้ถั่วสดใหม่ได้นานขึ้น
วิธีเก็บรักษาถั่วพิสตาชิโอ
เมื่อซื้อถั่วพิสตาชิโอมาแล้ว ควรเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ถั่วพิสตาชิโอควรเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในที่เย็นและมืด จะช่วยให้ถั่วสดใหม่ได้นานถึง 6 เดือน หากเก็บถั่วพิสตาชิโอในตู้เย็น ถั่วจะสดใหม่ได้นานถึง 1 ปี
ถั่วพิสตาชิโอเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม แต่ก็มีบางข้อควรระวังและโทษที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้
ข้อควรระวัง
- แพ้ถั่ว ถั่วพิสตาชิโอเป็นถั่วชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่แพ้ถั่วจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วพิสตาชิโอ อาการแพ้ถั่วอาจรวมถึงอาการคัน บวม หายใจลำบาก และอาเจียน
- แพ้เกลือ ถั่วพิสตาชิโอที่จำหน่ายในท้องตลาดมักมีเกลือเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นผู้ที่แพ้เกลือจึงควรเลือกซื้อถั่วพิสตาชิโอแบบไม่ใส่เกลือ
- ปริมาณแคลอรีสูง ถั่วพิสตาชิโอมีปริมาณแคลอรีปานกลาง แต่มีปริมาณไขมันสูง ดังนั้นการรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรีมากเกินไปและส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
โทษ
- อาการแพ้ ผู้ที่แพ้ถั่วพิสตาชิโออาจมีอาการแพ้ได้เมื่อรับประทานถั่วพิสตาชิโอ อาการแพ้อาจรวมถึงอาการคัน บวม หายใจลำบาก และอาเจียน
- โรคภูมิแพ้ การรับประทานถั่วพิสตาชิโอเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืดและโรคเยื่อบุจมูกอักเสบภูมิแพ้
- โรคอ้วน การรับประทานถั่วพิสตาชิโอมากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรีมากเกินไปและส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
คำแนะนำ
สำหรับผู้ที่แพ้ถั่วหรือผู้ที่แพ้เกลือ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วพิสตาชิโอ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักควรรับประทานถั่วพิสตาชิโอในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานมากเกินไป