ผักโขมเป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amaranthus viridis จัดอยู่ในวงศ์ Amaranthaceae ผักโขมมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง แพร่กระจายไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
ลักษณะของผักโขม มีดังนี้
- ลำต้นอวบน้ำสีเขียว สูงประมาณ 30-100 เซนติเมตร
- ใบเป็นใบเดี่ยวรูปไข่ กว้าง 2.5-8 เซนติเมตร ยาว 3.5-12 เซนติเมตร
- ขอบใบเรียบ หลังใบเป็นคลื่นเล็กน้อย
- ดอกเป็นดอกช่อสีม่วงปนเขียว ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง
- เมล็ดมีลักษณะกลมสีน้ำตาลเกือบดำ ขนาดเล็ก
ผักโขมมีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี เป็นต้น
ประโยชน์ของผักโขม
ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ดังนี้
- ช่วยบำรุงสายตา ผักโขมมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ วิตามินเอเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อดวงตา ช่วยบำรุงสายตาให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตาบอดกลางคืนและโรคจอประสาทตาเสื่อม
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ผักโขมมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ผักโขมมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับเชื้อโรคและแบคทีเรียต่าง ๆ
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ผักโขมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายจากอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ผักโขมยังมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก ผักโขมมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยทำให้อิ่มเร็วและนานขึ้น ช่วยลดการรับประทานอาหารมากเกินไป จึงช่วยควบคุมน้ำหนักและลดน้ำหนักได้
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ผักโขมมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการท้องผูก
- ช่วยขับปัสสาวะ ผักโขมมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ผักโขมมีแมงกานีสสูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- ช่วยรักษาแผลสด ผักโขมมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่ จึงช่วยรักษาแผลสดให้หายเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผักโขมมีปริมาณของสารออกซาเลตค่อนข้างสูง (Oxalate) ซึ่งอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดี จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักโขมในปริมาณมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีโรคนิ่ว โรคเกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือผู้ที่ต้องการสะสมปริมาณของแคลเซียม
ผักโขมสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ผักโขมผัดไข่ ผักโขมผัดน้ำมันหอย ผักโขมต้มจืด ผักโขมชุบแป้งทอด ผักโขมแกงเลียง เป็นต้น
ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ดังนี้
- วิตามิน ผักโขมมีวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินซี วิตามินอี เป็นต้น
- แร่ธาตุ ผักโขมมีแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เป็นต้น
ปริมาณสารอาหารในผักโขม 100 กรัม
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
พลังงาน | 23 กิโลแคลอรี |
โปรตีน | 3.8 กรัม |
ไขมัน | 0.4 กรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 3.6 กรัม |
ใยอาหาร | 2.1 กรัม |
วิตามินเอ | 8,900 IU |
เบต้าแคโรทีน | 1,000 ไมโครกรัม |
วิตามินบี1 | 0.08 มิลลิกรัม |
วิตามินบี2 | 0.13 มิลลิกรัม |
วิตามินบี3 | 1.1 มิลลิกรัม |
วิตามินบี5 | 0.2 มิลลิกรัม |
วิตามินบี6 | 0.2 มิลลิกรัม |
วิตามินบี9 | 140 ไมโครกรัม |
วิตามินซี | 28 มิลลิกรัม |
วิตามินอี | 0.5 มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 99 มิลลิกรัม |
เหล็ก | 3.5 มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม | 29 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 500 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 57 มิลลิกรัม |
สังกะสี | 0.8 มิลลิกรัม |
ผักโขมเป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ แต่มีโปรตีนสูง และอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
ผักโขมมีโทษไหม?
ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็มีโทษอยู่บ้างเช่นกัน ดังนี้
- มีสารออกซาเลตสูง ผักโขมมีสารออกซาเลตสูง ซึ่งอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดี จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผักโขมในปริมาณมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีโรคนิ่ว โรคเกาต์ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือผู้ที่ต้องการสะสมปริมาณของแคลเซียม
- มีสารซาโปนิน ผักโขมมีสารซาโปนิน ซึ่งอาจทำให้ท้องเสียได้ แนะนำให้ปรุงสุกก่อนรับประทาน
- มีสารฮีสตามีน ผักโขมมีสารฮีสตามีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
นอกจากนี้ ผักโขมยังมีปริมาณของกรดโฟลิกสูง จึงควรระมัดระวังในการรับประทานผักโขมสำหรับผู้ที่มีภาวะกรดโฟลิกสูงอยู่แล้ว
โดยสรุปแล้ว ผักโขมเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และปรุงสุกก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุด
วิธีลดสารออกซาเลตในผักโขมมีดังนี้
- ต้มผักโขมในน้ำเดือดประมาณ 1-2 นาที แล้วจึงนำไปล้างด้วยน้ำเย็น จะช่วยลดสารออกซาเลตได้ประมาณ 15-20%
- แช่ผักโขมในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงนำไปล้างด้วยน้ำเย็น จะช่วยดึงเอาสารออกซาเลตออกมาได้
- ปรุงผักโขมกับมะเขือเทศ แครอท หรือหัวบีทแดง จะช่วยลดความเป็นกรดของผักโขมได้
วิธีเลือกซื้อผักโขม
การเลือกซื้อผักโขม ควรเลือกผักโขมที่สดใหม่ ดังนี้
- ใบผักโขมควรมีสีเขียวสด ใบไม่เหี่ยว ไม่เหลือง
- ก้านผักโขมควรอวบ ไม่แข็ง
- ผักโขมควรไม่มีรอยช้ำหรือรอยด่าง
- ผักโขมควรไม่มีกลิ่นเหม็น
หากซื้อผักโขมมาเป็นมัด ควรแยกใบผักโขมออกจากก้าน นำไปล้างให้สะอาด สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วจึงนำไปแช่ตู้เย็นไว้รับประทานภายใน 2-3 วัน