กะหล่ำดอก เป็นหนึ่งในผักยอดนิยมที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย กะหล่ำดอกมีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและช่วยให้ผิวพรรณแข็งแรง กะหล่ำดอกยังอุดมไปด้วยวิตามินเค ซึ่งจำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือดและการทำงานของระบบประสาท กะหล่ำดอกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายและช่วยชะลอวัย กะหล่ำดอกยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดี ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยควบคุมน้ำหนัก กะหล่ำดอกยังสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งต้ม ตุ๋น อบ หรือผัด กะหล่ำดอกเป็นผักที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงควรรับประทานเป็นประจำ
ประโยชน์ของกะหล่ำดอก
- อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนและช่วยให้ผิวพรรณแข็งแรง
- อุดมไปด้วยวิตามินเค ซึ่งจำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือดและการทำงานของระบบประสาท
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหายและช่วยชะลอวัย
- เป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดี ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
- ช่วยบำรุงสายตา
- ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- ช่วยลดน้ำหนัก
- ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
- ช่วยย่อยอาหาร
- ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
- ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ
- ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยป้องกันโรคไทรอยด์
- ช่วยป้องกันโรคเกาต์
- ช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวาร
- ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้
- ช่วยป้องกันโรคหวัด
- ช่วยป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
กะหล่ำดอกเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็มีบางข้อควรระวังในการกินดังนี้
- กะหล่ำดอกไม่ควรรับประทานดิบ เพราะอาจทำให้ท้องเสียได้ เนื่องจากกะหล่ำดอกมีสารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ แต่อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้หากรับประทานดิบ
- กะหล่ำดอกไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับสารกลูโคซาติน (glucosinolates) มากเกินไป ซึ่งสารกลูโคซาตินอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และปวดท้องได้
- กะหล่ำดอกไม่ควรรับประทานร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดความดันโลหิต ยาต้านซึมเศร้า และยาต้านการอักเสบบางชนิด เนื่องจากกะหล่ำดอกอาจทำให้ยาเหล่านี้ออกฤทธิ์ได้ไม่ดี
- กะหล่ำดอกไม่ควรรับประทานโดยผู้ที่แพ้ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บร็อคโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว คะน้า คะน้าฝรั่ง และเคล เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น คันตามผิวหนัง ผื่นลมพิษ ปากบวม ลิ้นบวม หายใจลำบาก ช็อก และเสียชีวิตได้
โดยรวมแล้ว กะหล่ำดอกเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรรับประทานอย่างพอดีและควรหลีกเลี่ยงการรับประทานดิบ รับประทานร่วมกับยาบางชนิด และรับประทานโดยผู้ที่แพ้ผักตระกูลกะหล่ำ
ความแตกต่างระหว่างกะหล่ำดอกและบร็อคโคลี
กะหล่ำดอกและบร็อคโคลีเป็นผักตระกูลกะหล่ำที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกัน แต่มีสีสันที่แตกต่างกัน กะหล่ำดอกมีสีขาว ส่วนบร็อคโคลีมีสีเขียว กะหล่ำดอกและบร็อคโคลีมีรสชาติที่คล้ายกัน แต่บร็อคโคลีจะมีรสขมเล็กน้อย
วิธีเลือกซื้อกะหล่ำดอก
- ควรเลือกกะหล่ำดอกที่มีหัวกลม แน่น ดอกไม่ช้ำ
- ดอกควรมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน
- ใบควรสด ไม่มีรอยเหี่ยว
- ไม่ควรเลือกกะหล่ำดอกที่มีกลิ่นฉุน
วิธีเก็บรักษากะหล่ำดอก
- เก็บกะหล่ำดอกไว้ในตู้เย็น ช่องผัก
- กะหล่ำดอกสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1-2 สัปดาห์