แฮมคืออะไร? ประโยชน์และข้อควรระวังในการรับประทานแฮม

แฮมเป็นเนื้อหมูที่ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศอื่นๆ แล้วนำไปรมควันหรืออบ ซึ่งนิยมรับประทานกันทั่วโลก แฮมมีรสชาติที่เข้มข้นและหอมกรุ่น มักรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง บางครั้งก็นำไปทำอาหารอื่นๆ เช่น สลัด แฮมเบอร์เกอร์ หรือแซนด์วิช

ประวัติศาสตร์ของแฮม

แฮมมีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี พบหลักฐานการบริโภคแฮมในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของแฮมพบในอียิปต์โบราณ มีอายุประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์โบราณใช้เกลือหมักเนื้อหมูเพื่อถนอมอาหาร และนำเนื้อหมูไปรมควันเพื่อเพิ่มรสชาติ

ชาวกรีกโบราณและชาวโรมันโบราณก็นิยมรับประทานแฮมเช่นกัน พวกเขามักใช้แฮมเป็นอาหารสำหรับการเดินทาง เนื่องจากแฮมเก็บรักษาได้นาน แฮมจึงถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารทหารอีกด้วย

ในยุคกลาง แฮมเป็นอาหารที่นิยมรับประทานในหมู่ชนชั้นสูง เนื่องจากเป็นอาหารที่หายากและราคาแพง แฮมมักถูกเสิร์ฟในโอกาสพิเศษ เช่น งานเลี้ยงหรืองานเฉลิมฉลอง

แฮมเป็นอาหารแปรรูปจากเนื้อหมูที่ได้รับความนิยมรับประทานกันทั่วโลก แฮมมีรสชาติที่เข้มข้นและหอมกรุ่น มักรับประทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารว่าง บางครั้งก็นำไปทำอาหารอื่นๆ เช่น สลัด แฮมเบอร์เกอร์ หรือแซนด์วิช

แฮมเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก และสังกะสี

ประเภทของแฮม

แฮมมีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับวิธีการหมักและรมควัน ชนิดที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

  • แฮมรมควัน: แฮมชนิดนี้ถูกรมควันด้วยไม้โอ๊คหรือไม้ชนิดอื่นๆ ทำให้ได้กลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มข้น แฮมรมควันเป็นที่นิยมรับประทานกันทั่วโลก โดยแต่ละประเทศมีสูตรที่แตกต่างกันไป เช่น
    • แฮมรมควันแบบอเมริกัน (American-style smoked ham) มักผลิตจากเนื้อหมูหลัง ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากนั้นนำไปรมควันด้วยไม้โอ๊ค
    • แฮมรมควันแบบอังกฤษ (British-style smoked ham) มักผลิตจากเนื้อหมูหลัง ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากนั้นนำไปรมควันด้วยไม้เบิร์ช
    • แฮมรมควันแบบอิตาลี (Italian-style smoked ham) มักผลิตจากเนื้อหมูหน้า ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากนั้นนำไปรมควันด้วยไม้โอ๊ค
  • แฮมอบ: แฮมชนิดนี้ถูกอบด้วยความร้อนสูง ทำให้เนื้อสัมผัสนุ่มและฉ่ำ แฮมอบเป็นที่นิยมรับประทานกันทั่วโลก โดยมักใช้เนื้อหมูหลัง ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากนั้นนำไปอบด้วยความร้อนสูง
  • แฮมรมควันแบบแห้ง: แฮมชนิดนี้ถูกรมควันเป็นเวลานาน ทำให้เนื้อสัมผัสแห้งและเค็ม แฮมรมควันแบบแห้งเป็นที่นิยมรับประทานกันในประเทศแถบยุโรป โดยมักใช้เนื้อหมูหลัง ผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ จากนั้นนำไปรมควันเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ยังมีแฮมชนิดอื่นๆ เช่น แฮมสด แฮมรมควันแบบกึ่งแห้ง แฮมรมควันแบบรมน้ำ แฮมรมควันแบบอบแห้ง และแฮมรมควันแบบดอง

ความแตกต่างของประเภทของแฮมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ส่วนของเนื้อหมูที่ใช้ วิธีการหมัก ระยะเวลาในการหมัก วิธีการรมควัน และระยะเวลาในการรมควัน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อรสชาติและเนื้อสัมผัสของแฮม

วิธีการทำแฮม

วิธีการทำแฮมมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เริ่มต้นจากการหมักเนื้อหมูด้วยเกลือและเครื่องเทศ จากนั้นจึงนำไปรมควันหรืออบ

ขั้นตอนการทำแฮมรมควัน

  1. เลือกเนื้อหมูคุณภาพดี เนื้อหมูที่ใช้ทำแฮมควรเป็นเนื้อหมูหลังหรือเนื้อหมูหน้า ที่ไม่มีไขมันมากจนเกินไป
  2. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
  3. บดเกลือและเครื่องเทศให้เข้ากัน จากนั้นนำมาทาให้ทั่วชิ้นเนื้อหมู
  4. ห่อชิ้นเนื้อหมูด้วยผ้าขาวบางหรือกระดาษพลาสติก แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นนาน 7-10 วัน
  5. นำชิ้นเนื้อหมูออกมาล้างเกลือออกให้สะอาด
  6. นำไปรมควันด้วยไม้โอ๊คหรือไม้ชนิดอื่นๆ เป็นเวลา 2-3 วัน
  7. เมื่อรมควันเสร็จแล้ว นำชิ้นเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ พร้อมรับประทาน

ขั้นตอนการทำแฮมอบ

  1. เลือกเนื้อหมูคุณภาพดี เนื้อหมูที่ใช้ทำแฮมควรเป็นเนื้อหมูหลังหรือเนื้อหมูหน้า ที่ไม่มีไขมันมากจนเกินไป
  2. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด เช็ดให้แห้ง
  3. บดเกลือและเครื่องเทศให้เข้ากัน จากนั้นนำมาทาให้ทั่วชิ้นเนื้อหมู
  4. ห่อชิ้นเนื้อหมูด้วยผ้าขาวบางหรือกระดาษพลาสติก แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นนาน 7-10 วัน
  5. นำชิ้นเนื้อหมูออกมาล้างเกลือออกให้สะอาด
  6. นำไปอบด้วยความร้อนสูงเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
  7. เมื่ออบเสร็จแล้ว นำชิ้นเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ พร้อมรับประทาน

เคล็ดลับการทำแฮม

  • การเลือกเนื้อหมูคุณภาพดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้แฮมมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี
  • การล้างเกลือออกให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้แฮมไม่เค็มจนเกินไป
  • การหมักเนื้อหมูด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลานานจะช่วยให้แฮมมีรสชาติที่เข้มข้น
  • ระยะเวลาในการรมควันหรืออบขึ้นอยู่กับขนาดของชิ้นเนื้อหมู ชิ้นเนื้อหมูที่ใหญ่จะต้องใช้เวลาในการรมควันหรืออบนานกว่าชิ้นเนื้อหมูที่เล็ก
  • แฮมควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียส แฮมควรบริโภคให้หมดภายใน 7 วันหลังจากเปิดบรรจุภัณฑ์

ประโยชน์ของแฮม

  • โปรตีน แฮมเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย
  • วิตามินบี 12 แฮมเป็นแหล่งวิตามินบี 12 ที่ดีเยี่ยม วิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและเม็ดเลือดแดง
  • ธาตุเหล็ก แฮมเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีเยี่ยม ธาตุเหล็กมีความสำคัญต่อการขนส่งออกซิเจนในเลือด
  • สังกะสี แฮมเป็นแหล่งสังกะสีที่ดีเยี่ยม สังกะสีมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

ตารางสารอาหารแฮม 100 กรัม

นี่คือตารางสารอาหารของแฮมจาก USDA (United States Department of Agriculture) โดยข้อมูลนี้เป็นข้อมูลของแฮมสด 100 กรัม

สารอาหารปริมาณ
พลังงาน240 แคลอรี
โปรตีน23 กรัม
ไขมัน17 กรัม
ไขมันอิ่มตัว5 กรัม
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว10 กรัม
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน1 กรัม
คอเลสเตอรอล60 มิลลิกรัม
โซเดียม1,220 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม200 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรต0 กรัม
น้ำตาล0 กรัม
เส้นใยอาหาร0 กรัม
วิตามินบี110%
วิตามินบี211%
วิตามินบี312%
วิตามินบี510%
วิตามินบี615%
วิตามินบี12100%
ธาตุเหล็ก20%
แคลเซียม0%
แมกนีเซียม10%
ฟอสฟอรัส15%
โพแทสเซียม5%
โซเดียม50%
สังกะสี15%

ตารางสารอาหารของแฮมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของแฮม วิธีการหมัก และระยะเวลาในการหมัก โดยแฮมที่มีไขมันและโซเดียมสูงมักมีรสชาติที่เข้มข้นกว่าแฮมที่มีไขมันและโซเดียมต่ำ

ความแตกต่างระหว่างโบโลน่าและแฮม

  • วัตถุดิบ โบโลน่ามักทำจากเนื้อหมูบดละเอียด มีไขมันหมูชิ้นเล็ก ๆ ผสมอยู่ ในขณะที่แฮมมักทำจากเนื้อหมูชิ้นใหญ่ ๆ ผ่านการหมักและรมควัน
  • วิธีการทำ โบโลน่ามักผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลาสั้น ๆ จากนั้นจึงนำไปต้มนึ่งหรืออบ ในขณะที่แฮมมักผ่านการหมักด้วยเกลือและเครื่องเทศเป็นเวลานาน จากนั้นจึงนำไปรมควันหรืออบ
  • รสชาติ โบโลน่ามีรสชาติที่เข้มข้นกว่าแฮม เนื่องจากมีไขมันหมูผสมอยู่
  • เนื้อสัมผัส โบโลน่าจะนุ่มกว่าแฮม เนื่องจากผ่านการหมักและปรุงสุกเป็นเวลาสั้นกว่า

สรุปแล้ว โบโลน่าและแฮมเป็นอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ที่แตกต่างกันทั้งในด้านวัตถุดิบ วิธีการทำ รสชาติ เนื้อสัมผัส

บทความที่น่าสนใจ
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเตรียมเนื้อหมูให้พร้อมก่อนประกอบอาหาร
เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเตรียมเนื้อหมูให้พร้อมก่อนประกอบอาหาร

หากพูดถึงเนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหารของคนไทยและอีกหลายชาติ ต้องยกให้กับ “เนื้อหมู” เพราะนี่คือสัตว์ท อ่านต่อ

ประโยชน์ของเนื้อหมู มีดีมากกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ
ประโยชน์ของเนื้อหมู

เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยมในการนำไปประกอบอาหารหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด ลวก ต้องยกให้กับ “เนื้อหมู อ่านต่อ

5 ข้อดีของเนื้อไก่และวิธีการเตรียมไก่อย่างปลอดภัยที่ควรรู้
เนื้อไก่

สำหรับคนจำนวนมาก ไก่เป็นเนื้อสัตว์ที่ทานง่ายเพราะมีไขมันและแคลอรีต่ำ แต่มีโปรตีนสูง นอกจากนี้ยังมีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเท อ่านต่อ

แชร์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *